กฎหมายใหม่ของสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้การโอนเงินไปต่างประเทศตั้งแต่ 50,000 บาท ต้องแจ้ง ปปง.
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยว กับลูกค้า พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง เป็นดังนี้
- กำหนดนิยามคำว่า “ลูกค้า” “บุคคลที่มีการตกลงกันทางกฎหมาย” “ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ” “ธุรกรรมเป็นครั้งคราว” ฯลฯ
- ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตาม กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น ให้เช่าซื้อ บัตรเครดิต ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (รวมเรียกว่า “ผู้ประกอบอาชีพ”) ประเมินความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน โดยคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงอันเกิดจากลูกค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ธุรกรรม หรือช่องทางในการให้บริการ
- ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ระบุตัวตนลูกค้า ทำความเข้าใจลักษณะธุรกิจของลูกค้า ตลอดจนโครงสร้างการบริหารจัดการและอำนาจในการควบคุมนิติบุคคล
- ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ตรวจสอบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงในระดับที่เข้มข้นสูงสุด และลูกค้าที่ทำธุรกรรมเป็นครั้งคราวที่มีความ เสี่ยงสูง หากพบว่าลูกค้าดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงจนอาจเป็นเหตุให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบ อาชีพ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ต้องปฏิเสธการทำธุรกรรมกับลูกค้าดังกล่าว และรายงานให้ ปปง. ทราบ
- ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ อาจลดระดับความเข้มข้นในการตรวจสอบ สำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำลง
- กรณีที่มีการให้บริการโอนเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ข้ามประเทศที่มีมูลค่าตั้งแต่ห้า หมื่นบาทขึ้นไป สถาบันการเงินผู้ส่งคำสั่งโอนและสถาบันการเงินผู้รับคำสั่งโอนต้องดำเนินการส่งและ รับข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอนพร้อมคำสั่งโอน เงิน โดยต้องจัดให้คำสั่งโอนเงินมีข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอน
- กรณีสถาบันการเงินสร้างความสัมพันธ์ทาง ธุรกิจกับสถาบันการเงินตัวแทน ประเภทการชำระเงินโดยผ่านบัญชีโดยตรง สถาบันการเงินต้องรับรองได้ว่า สถาบันการเงินตัวแทนบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าและจะให้ ข้อมูลที่ดังกล่าวแก่สถาบันการเงินเมื่อร้องขอ
- ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ดำเนินการตามนโยบายและระเบียบวิธีการเกี่ยวกับการควบคุมภายในที่เหมาะสมกับความ เสี่ยงด้านการฟอกเงิน
การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลพร้อมการขึ้นทะเบียน ประกันสังคม
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ ออกคำชี้แจง เรื่อง การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลพร้อมการขึ้นทะเบียนประกันสังคม เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 กำหนดว่า
เนื่องจากที่ผ่านมา เมื่อผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องยื่นคำขอขึ้นทะเบียนนายจ้างและผู้ ประกันตนต่อสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน อีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการเริ่มต้นและประกอบธุรกิจ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสำนักงานประกันสังคม จึงบูรณาการการให้บริการ เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการเริ่มต้นธุรกิจ และผู้ประกอบการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กระทรวงพาณิชย์ จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างโดยอัตโนมัติ และผู้ประกอบการสามารถใช้เลขนิติบุคคล 13 หลัก ดำเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้างหรือผู้ประกันตน เมื่อจ้างลูกจ้างภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มจ้างงาน ได้ที่สำนักงานประกันสังคมต่อไป โดยการให้บริการนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป